การรักษารองเท้าหนังสุดหรูให้ดูดีอยู่เสมอจำเป็นต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกสะสมตามผิวหนังเป็นเวลานาน เริ่มต้นด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น แปรงขนนุ่ม หรือผ้าไมโครไฟเบอร์ที่สะอาด ใช้ปัดเอาฝุ่นหรือสิ่งสกปรกที่เกาะอยู่ออก การทำเช่นนี้อย่างสม่ำเสมอมีผลอย่างมากต่อความทนทานของหนังในระยะยาว เมื่อพบคราบหรือรอยเปื้อน ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ถูเบาๆ แต่ควรระวังอย่าให้หนังเปียกชุ่ม เพราะน้ำมากเกินไปอาจทำลายเนื้อวัสดุได้ สำหรับงานที่ยากกว่านั้น ซึ่งการทำความสะอาดทั่วไปไม่สามารถเอาออกได้ มีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหนังเฉพาะทางวางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันและขี้ผึ้งธรรมชาติ เพราะจะช่วยปกป้องหนังและฟื้นฟูความเงางามให้กลับคืนมา อย่างไรก็ตาม ควรทดสอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใดๆ ก่อนใช้งานจริง โดยทดลองกับบริเวณเล็กๆ ก่อน เพื่อความปลอดภัย
การบำรุงรักษาหนังอย่างสม่ำเสมอช่วยป้องกันไม่ให้หนังแข็งและแตกร้าวตามกาลเวลา หลายคนพบว่าการใช้ครีมบำรุงคุณภาพดีๆ ทาทุกๆ 2-3 เดือน ช่วยฟื้นฟูสภาพของหนังได้อย่างน่าทึ่ง ใช้ผ้าเนื้อนุ่มชุบครีมแล้วขัดเคลือบให้ทั่วพื้นผิวหนังเป็นวงกลมจนกระทั่งครีมถูกดูดซับเข้าไปอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดคือเมื่อครีมสามารถซึมเข้าเนื้อหนังได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ไหลเยิ้มอยู่บนผิว ขณะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ควรสังเกตส่วนผสมที่มีลาโนลีนหรือขี้ผึ้ง เพราะส่วนผสมจากธรรมชาติเหล่านี้สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีกว่าสารสังเคราะห์หลายชนิด รองเท้าหนังที่ได้รับการดูแลแบบนี้จะยังคงความยืดหยุ่นได้นาน และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแม้ผ่านสภาพอากาศที่หลากหลาย
การเลือกครีมขัดรองเท้าที่เหมาะสมนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ในการทำให้รองเท้าดูเงางาม และช่วยให้ภาพรวมของลุคดูดีขึ้น ควรเลือกสีครีมที่ใกล้เคียงกับสีหนังจริงมากที่สุด เพื่อไม่ให้สีดูเพี้ยนหรือไม่เข้ากัน ปัจจุบันตลาดมีครีมขัดรองเท้าหลายประเภท โดยหลักคือแบบครีมและแบบขี้ผึ้ง ซึ่งมีวิธีการใช้งานและประสิทธิภาพต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาที่ต้องการแก้ไข ครีมขัดรองเท้าจะช่วยบำรุงหนังและช่วยกลบรอยขีดข่วนเล็กๆ ในขณะที่ขี้ผึ้งจะช่วยเพิ่มความเงา และสร้างเกราะป้องกันเพิ่มเติมเพื่อต้านทานฝุ่นและสิ่งสกปรก หลายคนพบว่าการขัดรองเท้าทุกสองสามสัปดาห์ ช่วยได้มาก นอกจากจะช่วยเสริมเกราะป้องกันไปเรื่อยๆ แล้ว ยังช่วยคืนความเงาให้รองเท้าดูโดดเด่น โดยไม่ต้องใช้มากเกินความจำเป็น
การรักษาความสวยงามของรองเท้าหนังกลับหรือหนังนูบัคจำเป็นต้องดูแลอย่างระมัดระวัง โดยเริ่มต้นด้วยการใช้แปรงขนนุ่มโดยเฉพาะที่ผลิตสำหรับทำความสะอาดหนังกลับ แล้วค่อยๆ แปรงให้ทั่ว ตัวแปรงจะช่วยยกเนื้อผ้าขึ้นและกำจัดสิ่งสกปรกโดยไม่ทำให้เส้นใยขาด เมื่อแปรงเป็นประจำจะช่วยให้พื้นผิวดูสวยงามอยู่เสมอ ควรแปรงไปในทิศทางเดียวกันเพื่อไม่ให้วัสดุดูแบนหรือเสียลาย เมื่อพบคราบที่ล้างออกยาก ลองใช้ยางลบสีขาวถูเบาๆ ซึ่งมักช่วยให้คราบหายไปโดยไม่ทำลายพื้นผิวหนังกลับ แต่ควรระวังอย่าถูแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายมากกว่าจะให้ประโยชน์
การดูแลรองเท้าหนังกลับต้องใช้ความใส่ใจเป็นพิเศษเมื่อต้องจัดการกับคราบเปื้อนที่น่ารำคาญ เมื่อมีสิ่งใดหกเลอะบนหนังกลับ ให้ใช้ผ้าสะอาดซับคราบอย่างเบามือห้ามถูเด็ดขาด เพราะการถูจะทำให้คราบกระจายและอาจทำให้เนื้อผ้าเสียหายได้ ส่วนคราบแห้งล่ะ? ให้ใช้แปรงหนังกลับที่เหมาะสม โดยเลือกแบบขนแข็งเพื่อช่วยกำจัดสิ่งสกปรกโดยไม่ทำลายพื้นผิวนุ่มของหนังกลับ อย่าลืมทดสอบก่อนใช้วิธีใหม่กับรองเท้าทั้งคู่เสมอ เลือกจุดที่ไม่ค่อยสังเกตเห็นและลองทดสอบดูก่อน เพราะบางครั้งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอาจทิ้งรอยไว้หรือทำให้สีเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด
รองเท้าหนังกลับจำเป็นต้องใช้สเปรย์กันเปื้อนชนิดใดชนิดหนึ่ง หากเราต้องการให้รองเท้าดูดีอยู่เสมอแม้ว่าจะเกิดคราบจากกาแฟหกหรือน้ำฝนก็ตาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นโดยเฉพาะสำหรับวัสดุหนังกลับและหนังนูบัค เนื่องจากสเปรย์ทั่วไปจะไม่สามารถใช้งานได้ดีเท่าที่ควร นอกจากนี้ควรทำการฉีดสเปรย์บำรุงอย่างสม่ำเสมอ ประมาณเดือนละครั้ง หรือหลังจากทำความสะอาดรองเท้าอย่างล้ำลึก หรือเมื่อสวมใส่รองเท้าลุยผ่านน้ำขังมาแล้ว การป้องกันเพิ่มเติมนี้จะช่วยให้รองเท้าหนังกลับคู่โปรดของคุณคงทนถาวรกว่าที่ควรจะเป็น ผู้คนส่วนใหญ่พบว่า รองเท้าหนังกลับที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างเหมาะสมนั้นยังคงความสวยงามได้นานกว่ารองเท้าคู่อื่นๆ ที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการดูแลเลย
การรักษารองเท้าผ้าใบสีขาวให้ดูสดใหม่ต้องใช้ความใส่ใจเล็กน้อย แต่ก็คุ้มค่ากับความพยายาม หนึ่งในเคล็ดลับที่หลายคนแนะนำคือการผสมเบกกิ้งโซดาเข้ากับน้ำจนเกิดเป็นเนื้อแปะ แล้วนำไปทาอย่างเบามือบนตัวรองเท้า เพื่อช่วยขจัดคราบสกปรกโดยไม่ทำลายผ้า หากพบกับคราบที่ฝังแน่นและไม่หลุดออกหลังทำความสะอาดตามปกติ ควรพิจารณาใช้น้ำยาทำความสะอาดผ้าที่มีเอนไซม์อ่อนๆ ซึ่งน้ำยาเหล่านี้สามารถกำจัดคราบสกปรกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทำลายเนื้อวัสดุ อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง เพราะอาจทำให้สีซีดจางหรือทำลายผ้าได้หากใช้ซ้ำๆ เป็นประจำ การดูแลตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้รองเท้าขาวสะอาดตาของคุณยังคงดูดีได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะแมตช์กับชุดไหนในแต่ละสัปดาห์
รองเท้าผ้าใบมักจะซีดจางไปเมื่อไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม ดังนั้นการป้องกันพื้นฐานบางอย่างจึงมีความสำคัญอย่างมาก ควรเก็บรองเท้าเหล่านี้ให้ห่างจากแสงแดดโดยตรงขณะที่ตากแห้งหรือเก็บไว้ในที่ปลอดภัย เพราะรังสีอัลตราไวโอเลตสามารถทำให้สีจางลงได้อย่างชัดเจนภายในเวลาไม่กี่เดือนหรือปี วิธีการที่ดีคือการใส่รองเท้าในถุงเก็บผ้าใบสีเข้มที่ยังคงให้อากาศถ่ายเทได้ แต่สามารถบล็อกแสงและฝุ่นผงได้ หลายคนยังแนะนำให้ใช้สเปรย์พ่นกันสีซีดเป็นระยะๆ สเปรย์เหล่านี้มีประโยชน์สองอย่าง คือช่วยปกป้องสีไม่ให้ซีดและช่วยให้สีสันดูสดใสขึ้น การจัดการองค์ประกอบพื้นฐานเหล่านี้จะช่วยให้รองเท้าผ้าใบยังคงสภาพดูดีเป็นเวลานานกว่าที่หลายคนคาดคิด
การที่จะให้รองเท้าผ้าใบแห้งอย่างถูกต้องมีความสำคัญมาก หากเราต้องการให้รองเท้าคงรูปร่างและโครงสร้างเดิมไว้ ทางเลือกที่ดีที่สุดคือการตากให้แห้งในอุณหภูมิห้องตามธรรมชาติ แทนที่จะวางไว้ใกล้สิ่งที่ให้ความร้อน เช่น เครื่องทำความร้อน หรือทิ้งไว้กลางแดดจัด เพราะสิ่งเหล่านี้มักจะทำให้วัสดุเสียหาย และทำให้รองเท้าสวมใส่ไม่พอดีเหมือนเดิม การอัดหนังสือพิมพ์เก่าๆ ลงไปด้านในก็เป็นสิ่งที่ได้ผลดีมาก ช่วยรักษาทรงรองเท้าเอาไว้ และดูดซับความชื้นส่วนเกินจากด้านใน อย่าลืมหมุนเปลี่ยนด้านของรองเท้าเป็นระยะขณะที่กำลังตากแห้ง เพื่อให้ทุกส่วนได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน ขั้นตอนง่ายๆ นี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ส่วนต่างๆ เบี้ยวหรือเสียรูป และทำให้รองเท้าคู่โปรดยังคงสภาพดี สำหรับการสวมใส่ไปอีกนานเท่านาน
ครีมขัดรองเท้าที่ออกแบบมาสำหรับมืออาชีพนั้นมีความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อพูดถึงการดูแลรักษารองเท้าหนัง ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีน้ำมันเป็นส่วนผสมในปริมาณที่มากกว่าผลิตภัณฑ์ขัดรองเท้าธรรมดาที่วางขายทั่วไป ซึ่งหมายความว่าเงาที่ได้จะคงทนยาวนานกว่า และยังสามารถฟื้นฟูรองเท้าที่สึกหรอกลับมาเหมือนใหม่ได้จริง ผู้ใช้งานส่วนใหญ่ชอบแบบครีมมากกว่า เนื่องจากสามารถซึมเข้าสู่หนังได้ดี โดยไม่ทิ้งรอย streaks หรือคราบก้อนระหว่างการใช้งาน เมื่อใครสักคนใช้เวลาในการขัดรองเท้าของตนเองอย่างสม่ำเสมอโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจนด้วยตัวมันเอง เพียงแค่รูปลักษณ์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจนก็เพียงพอแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือรองเท้าสามารถทนต่อการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ยาวนานขึ้นมากเพียงใด การดูแลรักษาเล็กๆ น้อยๆ จึงมีความสำคัญอย่างมากในการทำให้รองเท้าคู่โปรดยังคงสภาพใหม่และน่าสวมใส่ตลอดทั้งปี
Magic Brush ทำงานได้อย่างน่าอัศจรรย์เมื่อพูดถึงการรักษาความสวยงามของรองเท้าหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะมันสามารถทำความสะอาดได้ดีจริงๆ ทั้งในส่วนพื้นรองเท้าและบริเวณด้านบน สิ่งที่ทำให้แปรงชนิดนี้โดดเด่นคือการรวมขนแปรงหลายประเภทไว้ในเครื่องมือขนาดเล็กที่ใช้งานสะดวก ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความสะอาดจุดที่เข้าถึงยากบริเวณเชือกรองเท้าและตะเข็บต่างๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะขูดหรือทำลายวัสดุหนังจริงให้เสียหาย คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าแปรงนี้สามารถกำจัดคราบสกปรกที่สะสมจากการเดินข้างนอกตลอดทั้งวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากใช้เป็นประจำ รองเท้าจะสามารถคงความสะอาดได้นานขึ้นระหว่างการล้างลึกแต่ละครั้ง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ที่ใส่ใจในการดูแลรองเท้าจำนวนมากจึงมักมีแปรงชนิดนี้ไว้ใกล้ตัวในตู้เสื้อผ้าหรือโรงรถของตนเองเสมอ
หากมีใครต้องการฟื้นฟูรองเท้าหนังแห้งให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ครีมบำรุงหนัง 60 กรัม อาจเป็นสิ่งที่น่าลองใช้ ขนาดเล็กพอที่จะใส่ในกระเป๋าเกือบทุกใบได้ แต่ให้ประสิทธิภาพน่าประหลาดใจ ผลิตภัณฑ์นี้มีคุณสมบัติเด่นในการบำรุงหนังที่เริ่มเสื่อมสภาพให้กลับมาดีขึ้น จุดเด่นที่ได้ผลดีคือส่วนผสมอย่างน้ำมันเม่น (mink oil) ที่ซึมซาบเข้าสู่เนื้อวัสดุอย่างล้ำลึก ช่วยป้องกันไม่ให้หนังแข็งหรือแตกร้าวตามกาลเวลา การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น ต้องรู้วิธีการทาให้ถูกต้อง ใช้เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอ โดยค่อยๆ นวดเนียนให้ทั่ว ด้วยการใช้อย่างสม่ำเสมอ รองเท้าที่ผ่านการบำรุงด้วยครีมนี้จะดูดีและรู้สึกดีกว่าที่เคยมาก ราวกับได้รับโอกาสใหม่ให้กลับมาดูดีอีกครั้ง
การขัดรองเท้าให้เงาได้อย่างรวดเร็วตอนนี้ง่ายขึ้นมากด้วย Quick Shine Sponge อุปกรณ์เล็กๆ ชิ้นนี้ทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ในการทำให้รองเท้าดูดีโดยไม่ต้องเสียเวลาความยุ่งยากมาก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อการใช้ครีมขัดแบบปกติไม่สะดวก เช่น ขณะเดินทางหรือในวันที่ยุ่งๆ อะไรที่ทำให้ฟองนี้โดดเด่น? มันมีสารบำรุงพิเศษภายในที่ช่วยให้รองเท้ามีเงาสวยงามและยังช่วยดูแลหนังรองเท้าไปในตัว ไม่ต้องกังวลเรื่องรอยหมองหรือรอยแห้งที่อาจทำให้รองเท้าดูไม่ดีอีกต่อไป ผู้ที่ต้องเร่งรีบปรับปรุงรูปลักษณ์รองเท้าให้ดูดีระหว่างวันจะพบว่าสิ่งนี้จำเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ใช้มือถูๆ ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ รองเท้าก็จะดูเรียบร้อยตลอดเวลา ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน
เมื่อต้องรับมือกับรองเท้าที่มีสีสันหลากหลายหรือลวดลายซับซ้อน โลชั่นขัดเงาแบบใส่ทำงานได้อย่างน่าทึ่งในการรักษารองเท้าให้ดูสดใสและสะอาด แม้จะเปื้อนหรือเปียกน้ำ สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นี้พิเศษคือมันสามารถรักษารองเท้าให้ดูเหมือนใหม่โดยไม่เปลี่ยนแปลงโทนสีของรองเท้าเลย ดังนั้นผู้ที่ต้องการคงไว้ซึ่งลุคที่เป็นเอกลักษณ์บนเท้าของตนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องสีซีดจางหรือเปลี่ยนสีไป หากใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างสม่ำเสมอ รองเท้าจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าปกติมาก ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องซื้อรองเท้าใหม่น้อยลงและประหยัดเงินในระยะยาว ผู้ใช้ส่วนใหญ่พบว่าหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน รองเท้าคู่โปรดยังคงดูเกือบเหมือนเพิ่งซื้อใหม่ แม้จะสวมใส่มาเป็นเวลานานผ่านสภาพอากาศหลากหลายแบบ
การรักษาให้รองเท้ามีสภาพดีและใช้งานได้นานขึ้นนั้น ขึ้นอยู่กับรูปทรงของรองเท้าเป็นอย่างมาก และนี่คือจุดที่ตัวรองเท้า (shoe trees) มีประโยชน์ เท้ารองเท้าทำจากไม้จันทน์ (cedar) ช่วยลดรอยยับได้ดีเยี่ยม และช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าให้อยู่ในสภาพดีได้นานขึ้น เนื่องจากมันมีรูปทรงที่เข้ากับสรณะเท้าตามธรรมชาติ อะไรที่ทำให้ไม้จันทน์ดีเยี่ยมขนาดนี้? ไม้จันทน์สามารถดูดซับความชื้นและช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมี ซึ่งหมายความว่ารองเท้าจะมีกลิ่นอับน้อยลง และไม่เกิดความชื้นภายใน การใส่ตัวรองเท้าเข้าไปในรองเท้าหลังจากสวมใส่ไม่เพียงแค่รักษาทรงรองเท้าไว้เท่านั้น แต่ยังเปรียบเสมือนการทำประกันฟรีๆ ให้กับรองเท้าราคาแพงที่วางอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเรา รอให้หยิบมาใส่ใหม่ในสัปดาห์หน้า
รองเท้าที่เก็บไว้ในที่ชื้น มักจะเกิดเชื้อราได้ง่าย จึงทำให้การจัดเก็บรองเท้าอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมาก เพื่อรักษาสภาพของรองเท้าให้ดูดีอยู่เสมอ วิธีที่ได้ผลคือการใส่ซองเจลซิลิกาลงในกล่องเก็บรองเท้า ซองเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยดูดซับความชื้นส่วนเกิน และป้องกันปัญหาเชื้อราได้ตั้งแต่แรกเริ่ม ควรทำให้รองเท้าแห้งสนิททุกครั้งหลังสวมใส่ เพราะแม้แต่น้ำที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อย ก็สามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเติบโตของเชื้อรา ควรตรวจสอบรองเท้าที่จัดเก็บไว้ทุกสองสามสัปดาห์ด้วยเช่นกัน การตรวจพบจุดเชื้อราแต่เนิ่นๆ จะช่วยลดความเสียหายโดยรวมได้ หลายคนพบว่าการเพิ่มไม้หอมไซเปรส (Cedar) ลงในกล่องรองเท้าช่วยได้ดีมากเช่นกัน แม้ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับความชื้นของสภาพแวดล้อม
รองเท้าจะคงทนทานนานขึ้น เมื่อผู้ใช้สลับเปลี่ยนรองเท้าที่ใช้ในแต่ละฤดูกาล แทนที่จะสวมใส่คู่เดิมซ้ำๆ ทุกวัน การเว้นช่วงให้รองเท้าแต่ละคู่ได้พักบ้างระหว่างสวมใส่ จะช่วยให้รองเท้าได้ระบายอากาศและแห้งตัวอย่างเหมาะสม เมื่อผู้ใช้เปลี่ยนรองเท้าตามสภาพอากาศหรือรสนิยมด้านแฟชั่นในปัจจุบัน ก็จะช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับรองเท้าในระยะยาวได้ ยิ่งไปกว่านั้น การสลับเปลี่ยนรองเท้าเป็นประจำยังทำให้ตรวจพบปัญหาของรองเท้าได้ง่ายขึ้น ก่อนที่ปัญหาจะลุกลาม ที่สำคัญที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้รองเท้าทุกคู่ยังคงสภาพดีเป็นเวลานาน แทนที่จะทิ้งรองเท้าไปหลังใช้งานเพียงหนึ่งฤดูกาลเท่านั้น